เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้บุกตรวจค้นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ รุ่นจีอาร์สปอร์ต สีขาว หมายเลขทะเบียนตากต้องสงสัยว่ามีเอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พบบรรทุกกล่องใส่สิ่งของมาเต็มคันรถ บริเวณเส้นทางเขตรอยต่อ บ้านท่าล้อ-บ้านน้ำดิบบอนหวาน ตำบลแม่ระมาด อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก หลังจากพบการใช้ไฟฟ้าอย่างผิดปกติในพื้นที่
แม่ระมาดระอุ! ทหาร-ตำรวจสนธิกำลังบุกจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ยึดของกลางมูลค่า 10 ล้าน! ชาวบ้านผวา
ในการตรวจค้นครั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบโทรศัพท์มือถือจำนวน 1,251 เครื่อง ซิมโทรศัพท์จำนวน 274 อัน และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จำนวน 19 ชุด รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท โดยนายอาทิตย์ อายุ 45 ปี เป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว พร้อมกับภรรยา ซึ่งทั้งสองเป็นราษฎรในพื้นที่อำเภอแม่ระมาด
การจับกุมนี้ถือเป็นการดำเนินการที่สำคัญ เนื่องจากมีการเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีการหลอกลวงประชาชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งทำให้มีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก จากข้อมูลที่ได้รับ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าแก๊งนี้ได้ย้ายฐานมาจากจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ไปยังฝั่งกัมพูชา เนื่องจากถูกกดดันจากหน่วยงานรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ ซึ่งทำให้ต้องหาทางหลบหนีและจัดระเบียบใหม่ในพื้นที่ที่มีความปลอดภัยมากขึ้น
การดำเนินการของแก๊งนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคที่ตกเป็นเหยื่อ แต่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศกำลังฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจ การหลอกลวงทางโทรศัพท์ทำให้ประชาชนสูญเสียเงินทองและทรัพย์สินจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้เกิดความไม่มั่นใจในการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์
เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้แสดงความตั้งใจในการปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ โดยเฉพาะคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อหลอกลวงประชาชน การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในความพยายามในการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่ารัฐบาลมีมาตรการในการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
นอกจากการจับกุมแล้ว เจ้าหน้าที่ยังได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับภัยจากคอลเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการใช้เทคโนโลยีในการหลอกลวง เช่น การโทรศัพท์หรือส่งข้อความเพื่อขอข้อมูลส่วนตัวหรือเงินทองจากผู้บริโภค หลังจากการจับกุม เจ้าหน้าที่จะมีการติดตามผลเพื่อดูว่าผู้กระทำผิดยังคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอื่น ๆ หรือไม่ รวมถึงตรวจสอบว่าเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ถูกยึดไปนั้นสามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มอื่น ๆ ที่ยังดำเนินกิจกรรมหลอกลวงอยู่หรือไม่
แฉกลโกงยุคใหม่! ใช้มือถือพันเครื่อง ซิมผีเป็นอาวุธ! ตร.เร่งขยายผลจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพื่อนบ้าน
การย้ายฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา มีผลกระทบหลายด้านที่ส่งผลต่อการกดดันทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาค ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
- การเพิ่มความซับซ้อนในการปราบปราม เมื่อคอลเซ็นเตอร์ย้ายฐานไปยังประเทศที่มีระบบการควบคุมที่อ่อนแอกว่า เช่น กัมพูชา ทำให้การติดตามและปราบปรามกลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้เป็นไปได้ยากขึ้น เนื่องจากการประสานงานระหว่างประเทศต้องใช้เวลานานและมีความยุ่งยากในการดำเนินการทางกฎหมาย นอกจากนี้ อาจมีการใช้เทคนิคใหม่ ๆ ในการหลอกลวงที่ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปรับตัวและพัฒนาวิธีการใหม่ในการป้องกัน
- การกระจายตัวของปัญหา การย้ายฐานของคอลเซ็นเตอร์อาจทำให้ปัญหานี้กระจายไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในภูมิภาค ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมในประเทศเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีการควบคุมทางกฎหมายที่ไม่เข้มงวด ทำให้กลุ่มอาชญากรรมสามารถดำเนินกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง
- ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ เมื่อคอลเซ็นเตอร์เริ่มมีการขยายตัวไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในด้านความปลอดภัยและความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักลงทุนต่างชาติที่อาจมองว่าประเทศไทยไม่สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความลังเลในการลงทุนในอนาคต
- การเพิ่มความเสี่ยงในการถูกหลอกลวง เมื่อคอลเซ็นเตอร์ย้ายฐานไปยังพื้นที่ใหม่ พวกเขาอาจนำเสนอวิธีการหลอกลวงใหม่ ๆ ที่ซับซ้อนมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผู้คนต้องเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจหรือสุขภาพ ซึ่งทำให้เกิดความเครียดและทำให้มีโอกาสตัดสินใจผิดพลาดได้มากขึ้น
- การตอบสนองจากหน่วยงานรัฐ หน่วยงานรัฐในประเทศไทยจะต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการจัดการกับปัญหานี้ โดยอาจต้องเพิ่มความร่วมมือกับหน่วยงานตำรวจในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสร้างเครือข่ายในการติดตามและปราบปรามกลุ่มอาชญากรรม นอกจากนี้ ยังต้องมีการพัฒนาระบบข้อมูลเพื่อแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ ทางเข้าpg999 ใหม่ล่าสุด